สังเกตจากความหนาของผ้าเบรก วิธีนี้อาจจะสังเกตได้ยากกว่าวิธีอื่น ๆ เพราะคุณจะต้องก้มไปดูความหนาของผ้าเบรกที่ตรงส่วนของคาลิปเปอร์เบรก ถ้าเห็นว่าผ้าเบรกเริ่มบางจนเหลือแค่ 3-5 มิลลิเมตร ก็ถือเป็นสัญญาณว่าได้เวลาเปลี่ยนผ้าเบรกได้แล้ว 3. ผ้าเบรกเริ่มกินจาน อาการผ้าเบรกกินจานเป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนผ้าเบรกแล้ว โดยคุณสามารถสังเกตได้จากรอยขูดเป็นเส้น ๆ บริเวณตัวจานเบรก ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้อาจจะทำให้จานเบรกเกิดความเสียหายได้ วิธีแก้ก็คือต้องรีบเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ แล้วนำจานเบรกไปเจียรให้เรียบนั่นเอง 4. เหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่าเบรกต่ำกว่าปกติ สำหรับคนที่ขับรถเป็นประจำทุกวันย่อมจะต้องจำความรู้สึกเวลาเหยียบเบรกได้ ดังนั้นถ้าวันไหนคุณเหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่าเหยียบได้ลึกหรือต่ำกว่าปกติ นั่นแปลว่าผ้าเบรกเริ่มบางหรือเสื่อมสภาพแล้ว 5. สังเกตจากระยะทางที่ขับ วิธีนี้เหมาะกับคนที่คอยดูระยะทางวิ่งของรถอยู่เสมอ ๆ โดยรอบการเปลี่ยนผ้าเบรกจะอยู่ที่ 8, 000-10, 000 กิโล หลังจากคุณเปลี่ยนไปครั้งล่าสุด ซึ่งถ้าครบระยะทางเมื่อไหร่ถึงแม้ว่าระบบเบรกจะยังไม่มีอาการผิดปกติก็ควรนำรถไปเช็คสภาพเบรกดู 6. เบรกมือดึงสูง สำหรับรถบางรุ่นเมื่อผ้าเบรกของล้อหลังใกล้หมดเบรกมือจะมีอาการดึงสูงขึ้น ดังนั้นถ้าหากคุณรู้สึกแปลก ๆ เวลาดึงเบรกมือ นั่นอาจแปลว่าถึงเวลาที่ต้องเช็คระบบเบรกแล้ว 7.
น้ำมันเบรคลดลง หลายท่านอาจสงสัยว่ากระปุกน้ำมันเบรคอยู่ตรงไหน ให้เปิดฝากระโปรงรถยนต์ กระปุกนี้จะอยู่ฝั่งคนขับ กระปุกที่ใกล้พวงมาลัยมากที่สุด. ให้สังเกตว่าน้ำมันเบรคลดลงจนถึงขีด MIN หรือยัง ถ้าถึงแล้วให้หาเวลาเช็คเบรคได้เลย ไม่ต้องไปเติมน้ำมันเพิ่มนะครับ ส่วนเทคนิกการเลือกซื้อผ้าเบรคให้เหมาะกับรถเรา แอดมินจะหาข้อมูลมานำเสนอต่อไป
ผ้าเบรคเราหมดหรือยัง?? 5 จุดสังเกตต้องเข้าเช็คเบรก 1. จานเป็นรอยขูดๆ เส้นๆ ไม่เรียบสม่ำเสมอ ( กินจาน) สาเหตุของจานเป็นรอย อาจเกิดจากเศษหินหรือเศษเหล็กเข้าไปฝังในเนื้อผ้าเบรค ทำให้เกิดการกินจาน หรือสาเหตุที่พบส่วนใหญ่คือผ้าเบรคกินจานนั้นเอง - วิธีแก้ไข เปลี่ยนผ้าเบรคชุดใหม่ และทำการเจียร์เปิดหน้าจานให้เรียบเช่นเดิม 2. เบรคมีเสียงดัง กรณีนี้จะพบได้มากที่สุด ลักษณะการดังจะมี 2-3 แบบ 1. ดังเอี๊ยดๆ เวลาเลียเบรคตอนเช้า แต่พอวิ่งไปสักพักก็หาย ลักษณะนี้อาจเกิดจากผ้าเบรคที่ใช้เป็นแบบเกรดสูง ที่ทนความร้อนได้ดี 2. ดังจิ้ดๆๆๆๆ ตอนแตะเบรค เสียงที่เกิดอาจเกิดจาก ผ้าเบรคบางจนถึงตัวเตือนเบรคหมด ควรตรวจเช็คเพื่อทำการเปลี่ยน 3. ดังครืดๆ เหมือนเสียงเหล็กสีกัน แบบนี้คือผ้าเบรคหมดจนเหลือแต่เหล็ก แนะนำให้ประคองรถเข้าอู่ทันที และอย่านำรถไปใช้เด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตราย และอาจเสียหายมากกว่าเดิม 3. ผ้าเบรคบาง สังเกตจากการเอาไฟไปส่องที่คาลิปเปอร์เบรค เพื่อดูความหนาของผ้า ถ้าเราดูแล้วผ้าเบรคเหลือแค่เพียง 3-4 mm แนะนำให้รีบเข้าตรวจเช็คได้ทันที ( เพราะชิ้นใน เราไม่สามารถมองเห็นได้) 4. ยกเบรคมือสูงขึ้น ส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับเบรกหลังโดยตรง ถ้าเมื่อไหร่ที่เบรคมือจับไม่อยู่ หรือเริ่มยกสูงขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าผ้าเบรคหลังเริ่มบาง ควรเข้าไปตรวจเช็คนะครับ 5.
: 8:30–17:00 ศ. : 8:30–17:00 ส. : 8:30–17:00 อา. : ปิดทำการ รูปภาพส่วนหัวโดย AUTO D Service ขับเคลื่อนโดย Google ติดต่อเรา ✕ ส่งข้อความแล้ว เราจะติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด
โดยปกติเราควรเปลี่ยนผ้าเบรคทุก 50, 000 – 80, 000 กม. สำหรับรถเกียร์ธรรมดา ถ้าเป็นรถเกียร์อัตโนมัติควรเปลี่ยนทุก 50, 000 กม. ส่วนน้ำมันเบรคควรเปลี่ยนทุก 40, 000 กม.
เริ่มเลยสิ…เพื่อรถและเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง อีกสิ่งที่ต้องเช็คคือประกันหมดอายุหรือยัง อย่าให้ขาด เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอบนท้องถนน อย่าลืมให้ คุ้มครองคุณ
เบรครถยนต์อยู่ตรงไหน ทำงานยังไง ระบบเบรครถยนต์ทำงานยังไง?
ต่อชั่วโมง จับพวงมาลัยหลวมๆ แล้วทำการเหยียบเบรคลงไปทันที แล้วสังเกตการหมุนของพวงมาลัย ถ้าไม่หมุนแสดงว่าปกติ ถ้าพวงมาลัยหมุนควรไปตรวจเช็คระบบเบรคอย่างละเอียด หากพวงมาลัยหมุนไปทางซ้าย: เบรคล้อซ้ายทำงานเร็วกว่าล้อขวา หากพวงมาลัยหมุนไปทางขวา: เบรคล้อขวาทำงานเร็วกว่าล้อซ้าย ถ้ามีเสียงขณะเหยียบเบรค อาจเกิดจากผ้าเบรคหมด ผ้าเบรคร้อนจัด มีเศษหินไปติดในจานเบรค ผิวหน้าผ้าเบรคแข็งเป็นเงามัน ลูกปืนของล้อรถสึกหรอหรือหลวมมาก ลูกยางเบรคเสื่อมสภาพ