จากที่ได้ทำความเข้าใจว่า RSI คืออะไร มีส่วนหนึ่งที่เราพูดถึงช่วงขายมากเกินไป (Oversold) สภาวะดังกล่าวจะอยู่ในช่วง 0 -30 ของ RSI ซึ่งเป็นสภาวะที่บ่งบอกว่าตอนนี้ตลาดได้มีการขายมากเกินไปแล้ว และนักลงทุนควรจะออกจะการขายและเตรียมตัวหาจังหวะซื้อ หากลองพิจารณาจากประโยคดังกล่าวสามารถอธิบายได้ว่า การที่สินทรัพย์บางประเภทถูกเทขายเป็นจำนวนมากย่อมส่งผลให้ราคามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผู้คนจะแห่ทำการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีราคาถูก และส่งผลให้ราคาสินทรัพย์สูงขึ้น ช่วงซื้อมากเกิน (Overbought) คืออะไร?
ก็พอเดากันไม่ยากว่า RSI ก็จะมีค่าวิ่งขึ้นไปที่ 100 นั้นเอง ในทางกลับกัน ถ้าหุ้นเกิดตกหนัก ๆ เป็นแท่งแดงติดต่อกัน 14 แท่งรวดเลย แน่นอนว่า RSI ตกลงไปที่ 0 อย่างแน่นอน ถ้าเกิดแบบนี้จิงๆ คิดแล้วหนาวๆ ร้อนๆ เลย! แต่ในตามความเป็นจริง ตลาดหุ้นมักจะมีวันที่สลับเขียนวันที่สลับแดงกันไป ถ้ามีเท่าๆกัน ค่า RSI จะมาอยู่ที่ประมาณ 50 เนื่องจากไม่มีการขึ้นลงอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อนๆ น่าจะพอเข้าใจ RSI กันมากขึ้นแล้ว ถ้ารวมแต้วแท่งเขียวชนะ RSI จะวิ่งเข้าโซน Overbroght แต่ถ้ารวมแต้มแล้วแท่งสีแดงชนะ ค่า RSI จะทิ้งดิ่งลงไปที่ Oversold เช่นกัน RSI มันสะท้อนบอกอะไรได้บ้าง? RSI บอกถึงกำลังของราคาหุ้นได้ ว่าถ้าหุ้นขึ้นเด้งแรงมากเพียงใด หรือ หากหุ้นตก ไหลลงแรงแค่ไหน จึงเป็นเครื่องมือโมเมนตัมที่ได้รับความนิยมสูงอีกตัวหนึ่ง RSI ทำได้แค่นี้เอง? จริงๆ แล้วยังมีอีกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการดูหุ้นขั้นสูงขึ้นมาหน่อย RSI มันยังบอกถึงสภาวะ Bullish Divergence จะพิจารณาเมื่ออยู่ใน Oversold หรือในกรณีเดียวกับ Bearish Divergence เราจะพิจารณาก็ต่อเมื่ออยู่ใน Overbought เท่านั้น คงมีคำถามค้างคาในว่า ถ้าเกิดไม่เข้าเขตเหล่านี้ล่ะ ไม่ต้องพิจารณาหรอกหรือ?
ช่วยแชร์ต่อนะครับ RSI (Relative strength index) เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้เพื่อดูแนวโน้มราคาหุ้นหรือสินค้าอื่นๆ นการลงทุน โดยหลักแล้วRSI จะมีเส้นที่ให้ค่ามาสองค่าคือOverbought แปลว่ามีการซื้อมากเกินไป ส่วนอีกเส้นคือ Oversold แปลว่าซื้อมากเกินไป การคำนวณ RSI Average gain จะคำนวณโดยการหาค่าเฉลี่ยของทุกวันของช่วงเวลาหนึ่งที่กำไรมาหาค่าเฉลี่ย Average loss จะคำนวณโดยการหาค่าเฉลี่ยของทุกวันของช่วงเวลาหนึ่งที่ขาดทุนมาหาค่าเฉลี่ย ลองมาดูกันครับ ถ้าค่าเฉลี่ยของวันที่กำไรใน 14 วัน เท่ากับ 1% ถ้าค่าเฉลี่ยของวันที่ขาดทุนใน 14 วัน เท่ากับ -0.
8% วิธีการอ่านค่า เมื่อ RSI < 30 ร าคาหุ้นจะถูกลง เนื่องจากมีสภาวะ ขาย มากเกินไป (Oversold) นักลงทุนสามารถพิจารณาหาจังหวะในการเข้าซื้อได้ หาก RSI > 70 ราคาหุ้นจะแพงขึ้น เนื่องจากมีสภาวะ ซื้อ มากเกินไป (Overbought) นักลงทุนสามารถใช้เป็นจังหวะในการขายได้ ตัวอย่างการใช้งานจริง กรณีเกิด Oversold (RSI < 30) / Overbought (RSI > 70) จากรูปจะเห็นได้ว่า ในช่วงแรกกราฟหุ้นวิ่งลงสู่ระดับราคา 7. 40 บาท และในขณะเดียวกันเส้น RSI อยู่ในสภาวะ Oversold ราคาหุ้นในช่วงนี้จะถูกลง เนื่องจากมีการเทขายหุ้นเป็นจำนวนมาก นักลงทุนพิจารณาจุดนี้เป็นจังหวะเข้าซื้อได้ หลังจากนั้นกราฟหุ้นวิ่งขึ้นสู่ระดับราคา 8.
ใช้อินดิเคเตอร์ RSI ดู Overbought Oversold โซน Overbought อยู่เหนือเส้นตั้งแต่ Level 70 ขึ้นไป และ Oversold อยู่ใต้เส้นตั้งแต่ Level 30 ลงมา ถ้าราคาเข้ามาในโซน Overbought หรืออยู่เหนือเส้น Level 70 ขึ้นไป ให้เราเตรียมตัวเปิดออเดอร์ Sell ในอนาคต เพราะตอนนี้ราคาอาจจะแพงเกินไป อาจจะมีแรงขายตามมา ถ้าราคาเข้ามาในโซน Oversold หรืออยู่ใต้เส้น Level 30 ลงมา ให้เราเตรียมตัวเปิดออเดอร์ Buy ในอนาคต เพราะตอนนี้ราคาอาจจะถูกเกินไป อาจจะมีแรงซื้อตามมา 2. ใช้อินดิเคเตอร์ RSI หา Divergence RSI เป็นอีกหนึ่งอินดิเคเตอร์ในตลาด Forex ที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ มักจะใช้ในการหา สัญญาณ Divergence แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับ MACD และ Stochastic Oscillator เนื่องจาก การหา Divergence บน RSI ค่อนข้างเกิดขึ้นยากมากๆ จึงทำให้หลายคนจนลืมไปว่า RSI ก็มี Divergence เหมือนกันนะ โดยจะนิยมใช้ใน Time Frame 1H และ 4H Divergence ขาขึ้น 3.