กำจัดสนิมที่ติดกระทะง่ายกว่าที่คิด "สนิม" เป็นคราบสกปรกที่ทำลายกระทะเป็นปัญหากวนใจของแม่บ้านทุกๆคน "สนิม" เกิดจากปฏิกิริยาที่เหล็กทำกับน้ำและความชื้นในอากาศแปลสภาพกลายเป็นออกไซด์ และเกิดเป็นไฮเดรตเฟอริกออกไซด์ หรือ สนิมเหล็ก นั่นเอง คราบสนิมสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ หากเกิดสนิมบนกระทะของคุณเหล่าแม่บ้าน มาดูเคล็ดลับสูตรธรรมชาติ ที่สามารถกำจัดสนิมแบบง่ายๆ ออกจากกระทะกันได้เลย 3 วิธีกำจัดคราบสนิมบนกระทะ 1. มะนาว+เกลือ – นำเกลือแกงสำหรับปรุงอาหาร มาโรยลงบนคราบสนิมพอประมาณ – บีบน้ำมะนาวลงบนจุดที่โรยเกลือให้ชุ่ม ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ให้เกลือและกรดในน้ำมะนาวทำปฏิกิริยากัดกร่อนคราบสนิมออกมา – ใช้เปลือกมะนาวขัดถูคราบสนิมออก 2. น้ำส้มสายชู – เทน้ำส้มสายชูลงไปให้พอท่วม ในบริเวณที่เกิดคราบสนิมแล้วให้ทิ้งไว้ข้ามคืน – นำสก็อตไบร์ทและน้ำยาล้างจานมาขัดกำจัดคราบให้หมด 3. เบกกิ้งโซดา – โรยเบกกิ้งโซดาลงในกระทะบริเวณ และ ปิดคลุมบริเวณที่เกิดคราบสนิมแล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง – ใช้สก็อตไบร์ทมาขัดคราบสนิมนั้นออก แล้วล้างด้วยน้ำเปล่า
ทำไมต้องเผ ากระทะเหล็กก่อนใช้งาน สำหรับคนที่เคยใช้กะทะเหล็กแบบดั้งเดิม ก็คงจะรู้ว่าต้องมีการ เ ผ า กระทะก่อนการใช้งาน ซึ่งเวลาที่เราซื้อกระทะเหล็กมาใหม่ จะต้องจัดการกับกระทะก่อน เพื่อให้ ส า ร ที่เคลือบอยู่ที่กระทะออกให้หมด และเวลาทำอาหารไ ม่มีปัญหาติดกระทะ แต่สำหรับคนรุ่นใหม่คงจะไ ม่ค่อยรู้กัน ว่าต้องมีการ เ ผ า กระทะที่ซื้อมาใหม่ก่อนด้วยหรอ??
เผากระทะเหล็กให้แห้งก่อนเก็บ เพราะกระทะเหล็กเป็นสนิมง่าย เนื่องจากกระทะทำจากเหล็ก ถ้าไม่ดูแลอย่างดีจะเป็นสนิมได้ง่ายมากๆ ดังนั้น ทุกครั้งที่ล้างทำความสะอาดแล้ว คุณจำเป็นต้องเช็ดให้แห้ง ตากแดด หรือเอาไปเผาไฟให้แห้ง เมื่อกระทะแห้งดีแล้วจึงใช้น้ำมันพืชทาให้ทั่วๆ เพื่อป้องกันสนิม 3.
เคลือบกระทะให้ทั่ว และใช้ทิชชู่สำหรับใช้ในครัวเช็ดไขมันหรือน้ำมันออกจากผิวกระทะ 6 อบกระทะในเตาที่อุณหภูมิ 177 º เซลเซียส (350º ฟาเรนไฮต์) ประมาณ 2 ชั่วโมง. แล้วเอากระทะออกมาพักให้เย็นลง 7 ทำตามขั้นตอนซ้ำ. เพื่อจะให้มั่นใจว่าคุณได้กระทะที่เคลือบผิวไว้แล้วเป็นอย่างดี ให้เคลือบกระทะด้วยน้ำมัน อบ และเอาออกมาพักให้เย็น และทำตามขั้นตอนนี้อีกรอบ 1 ทำความสะอาดเดี๋ยวนั้นเลย.
เหล็กกล้าคาร์บอน (Carbon Steel) หรือ "Mild Steel" มีส่วนผสมของคาร์บอนเป็นหลักที่ไม่เกิน 1. 7% และมีธาตุอื่นผสม เช่น ซิลิคอน ฟอสฟอรัส กำมะถัน แมงกานีส ในปริมาณน้อย จะติดมากับเนื้อเหล็กตั้งแต่เป็นสินแร่ เหล็กชนิดนี้เป็นวัสดุช่างชนิดเดียว ที่มีคุณสมบัติทางความแข็งแรง (Strength) ความเหนียว (Ductility) ที่สามารถเลือกใช้ได้ตามลักษณะงาน เหล็กกล้าคาร์บอนแบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ 1. เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Steel) เป็นเหล็กเหนียวแต่ไม่แข็งแรงนัก สามารถนำไปกลึง กัด ไส เจาะได้ง่าย เนื่องจากเป็นเหล็กที่อ่อน สามารถรีดหรือตีเป็นแผ่นได้ง่าย เหมาะกับงานที่ไม่ต้องการความเค้นแรงดึงสูงนัก ไม่สามารถนำมาชุบแข็งได้ แต่ถ้าต้องการชุบแข็งต้องใช้วิธีเติมคาร์บอนที่ผิวก่อน เพราะมีคาร์บอนน้อย (ไม่เกิน 0. 2%) ตัวอย่างการใช้งาน เช่น เหล็กแผ่นหม้อน้ำ ท่อน้ำประปา เหล็กเส้นในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เหล็กเคลือบดีบุก เช่น กระป๋องบรรจุอาหาร เหล็กอาบสังกะสี เช่น แผ่นสังกะสีมุงหลังคา ตัวถังรถยนต์ ถังน้ำมัน งานย้ำหมุด สกรู ลวด สลักเกลียว ชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องจักร โซ่ บานพับประตู 2. เหล็กกล้าคาร์บอนปานกลาง (Medium Carbon Steel) เป็นเหล็กที่มีความแข็งแรงและความเค้นแรงดึงมากกว่าเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ แต่มีความเหนียวน้อยกว่า นอกจากนี้ยังให้คุณภาพในการแปรรูปที่ดีกว่าและยังสามารถนำไปชุบผิวแข็งได้ เหมาะกับงานที่ต้องการความเค้นดึงปานกลาง ต้องการป้องกันการสึกหรอที่ผิวหน้า และต้องการความแข็งแรง แต่มีความแข็งบ้างพอสมควร เช่น อะไหล่ชิ้นส่วนเครื่องจักรกล รางรถไฟ เพลาเครื่องกล เฟือง หัวค้อน ก้านสูบ สปริง ชิ้นส่วนรถไถนา ไขควง ท่อเหล็ก นอต สกรูที่ต้องแข็งแรง 3.
เหล็กกล้าคาร์บอนสูง (High Carbon Steel) เป็นเหล็กมีความแข็งแรง และทนความเค้นแรงดึงสูง มีเปอร์เซ็นต์คาร์บอน 0. 5-1. 5% สามารถทำการชุบแข็งได้แต่จะเปราะ เหมาะสำหรับ งานที่ต้องการความต้านทานต่อการสึกหล่อ เช่น ดอกสว่าน สกัด กรรไกร มีดคลึง ใบเลื่อยตัดเหล็ก ดอกทำเกลียว (Tap) ใบมีดโกน ตะไบ แผ่นเกจ เหล็กกัด สปริงแหนบ ลูกบอล แบริ่งลูกปืน 2. เหล็กกล้าประสม (Alloy Steel) เป็นเหล็กกล้าผสมคาร์บอนไม่เกิน 1.