5) เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ (192. 4) ไฟลามทุ่ง (192.
5% ในระยะแรก และน้อยกว่า 2% ที่จะเกิดเป็นโรคไตวายเรื้อรัง การรักษา APSGN ที่สำคัญคือการรักษาตามอาการประกอบด้วยการรักษาภาวะ volume overload, ควบคุมความดันโลหิต, ควบคุมสมดุลเกลือแร่โดยเฉพาะจำกัดโซเดียม และระวังป้องกันการเกิดโปแตสเซียมในเลือดสูง และอาจจะต้องทำ dialysis เมื่อมีข้อบ่งชี้ การให้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการติดเชื้อ Streptococci เป็นส่วนสำคัญในการรักษา ยาที่ใช้ได้ผลดีได้แก่ Penicillin, Erythromycin เป็นต้น โดยให้ยานาน 7-10 วัน
หากสงสัย ควรส่งโรงพยาบาล มักจะวินิจฉัยโดยการตรวจปัสสาวะซึ่งจะพบเม็ดเลือดแดงเกาะกัน เป็นแพ (red blood cell -cast) และพบเม็ดเลือดขาวอยู่กันเดี่ยว ๆ หรือเกาะกันเป็นแพ การตรวจเลือดอาจพบความผิดปกติต่างๆ เช่น สารบียูเอ็น (BUN) และครีอะตินีน (creatinine) สูง ซึ่ง แสดงว่าไตขับของเสียไม่ได้เต็มที่ ควรให้การรักษา โดยให้นอนพักผ่อน งดอาการเค็ม ให้ยาขับปัสสาวะ ( เช่น ฟูโรซีไมด์) และยาลดความดัน (ย22) ถ้ามีประวัติทอนซิลอักเสบ หรือการติดเชื้อที่ผิวหนัง ให้ยาปฏิชีวนะ ได้แก่ เพนิซิลลินวี (ย4. 1) หรืออีริโทรไมชิน (ย4. 4) ในรายที่สงสัยมีภาวะไตวาย (เช่น ปัสสาวะออกน้อย ระดับบียูเอ็นและครีอะตินีนในเลือดสูง) หรือ มีความดันโลหิตสูงรุนแรง จำเป็นต้องรับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล 2. ถ้ามีอาการชักหรือหอบ ให้ฉีดไดอะซีแพม (ย17. 7) และฟูโรซีไมด์ (น21. 2) ครึ่ง- 1 หลอด เข้าหลอดเลือดดำ แล้วส่งโรงพยาบาลทันที ข้อแนะนำ 1. โรคนี้ส่วนใหญ่ (ประมารร้อยละ 95) จะหายได้ อาการทั่วไปจะดีขึ้นภายใน 2 - 3 สัปดาห์ แต่ควร ตรวจปัสสาวะบ่อย ๆ ต่อไปอีกหลายเดือน ประมาณ ร้อยละ 2 อาจกลายเป็นเรื้อรัง และร้อยละ 2 อาจตายระหว่างที่มีอาการ ดังนั้นจึงควรแนะนำให้ผู้ป่วยรักษา กับแพทย์อย่างจริงจัง 2.